หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับบริการขนส่งสินค้ากันเป็นอย่างดี เพราะยุคนี้เป็นยุคของการสั่งของออนไลน์ที่สามารถทำได้ง่าย มีบริการส่งถึงที่ สร้างความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก นอกจากของชิ้นเล็กๆแล้ว ในปัจจุบันยังมีบริการขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น รถมอเตอร์ไซค์ เครื่องซักผ้า โต๊ะ เตียง ก็สามารถใช้บริการขนส่งได้เช่นกัน แต่เนื่องจากสินค้าชิ้นใหญ่มักเป็นของที่มีราคาสูง การขนส่งสินค้าในแต่ละครั้ง อาจทำให้เกิดความเสียหายระหว่างทางขึ้นได้ จึงต้องศึกษารายละเอียดในการจัดส่ง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ส่วนจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้น เรารวบรวมข้อมูลมาให้แล้วที่นี่
1. ความหมายของสินค้าขนาดใหญ่
หลายคนอาจจะสงสัยว่าแบบไหนถึงจะนับเป็นสินค้าขนาดใหญ่ วัดจากอะไร เพราะการขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่ เป็นการขนส่งที่มีค่าบริการสูงกว่าสินค้าทั่วไป จึงต้องทำความเข้าใจเพื่อจะได้ส่งสินค้าได้อย่างถูกต้องมากขึ้น สินค้าขนาดใหญ่โดยทั่วไป จะเป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ทีวี เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เตียง ชุดโซฟา เครื่องมือ เครื่องจักร รถมอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ หรือ สินค้าที่มีขนาดใหญ่ประเภทอื่นๆ โดยสามารถวัดจากข้อกำหนด ดังนี้
- เป็นสินค้าที่มีน้ำหนัก ตั้งแต่ 20- 200 กิโลกรัม
- มีขนาด กว้าง X ยาว X สูง ไม่เกิน 150x200x150 เซนติเมตร
2. ขั้นตอนการจัดส่ง
ก่อนการใช้บริการ ควรสอบถามรายละเอียด ขั้นตอนการจัดส่งให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องอัตราค่าบริการในการขนส่ง การบรรจุหีบห่อ การมัดจำค่าขนส่ง วิธีการติดตามสถานะสินค้า ระยะเวลาในการขนส่ง การนัดหมายเพื่อรับสินค้าทั้งจุดต้นทางและการรับสินค้าปลายทาง เงื่อนไขการให้บริการต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่ามีความเหมาะสม มีคุณภาพ มีขั้นตอนที่ได้มาตรฐาน สินค้าที่จัดส่งจะมีความปลอดภัยในระหว่างการขนส่ง คุ้มค่า คุ้มราคา ที่จะใช้บริการหรือไม่
3. การนัดหมายเพื่อรับและส่งสินค้า
เพราะเป็นการส่งของชิ้นใหญ่และมักจะมีราคาสูง ผู้ว่าจ้างจึงต้องนัด บริษัทโลจิสติกส์ ให้มารับสินค้ายังจุดที่นัดหมาย และจะต้องพูดคุยตกลงรายละเอียดในการจัดส่งให้ชัดเจนก่อนวันรับสินค้า เพื่อวางแผนการจัดส่งให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะการส่งของขนาดใหญ่ไปต่างจังหวัด ที่จะต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ไม่ให้เกิดความเสียหายที่ขึ้นได้ และก่อนการขนส่งต้องไม่ลืมตรวจสอบหน้าพัสดุให้ชัดเจน ว่ารายละเอียด ข้อมูลการจัดส่ง ของผู้ส่ง และผู้รับปลายทาง ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
4. การ Packing
การขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่มักจะมีน้ำหนักมาก ทำให้เกิดการเสียหายได้ง่าย จึงต้องประเมินว่าสินค้าแต่ละชนิดควร แพ็คสินค้าด้วยวิธีการใด เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเกิดการกระแทก หรือมีรอยขีดข่วน เช่น การใช้กล่องสำหรับสิ่งของที่น้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม การใช้พาเลตสำหรับสิ่งของที่มีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนัก 30 กิโลกรัม ขึ้นไป หรือแพ็คสินค้าด้วยลังไม้สำหรับสินค้าที่เป็นอุปกรณ์การเกษตร หรือเครื่องจักรต่างๆ และในการแพ็คสินค้าทุกครั้งต้องตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนส่งด้วยทุกครั้ง
5. การประกันความเสียหายระหว่างขนส่ง
เนื่องจากเป็นการส่งของชิ้นใหญ่ที่อาจเกิดความเสียหายระหว่างขนส่งได้ง่าย ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหรือไม่ การเลือกใช้บริการบริษัทโลจิสติกส์ ที่มีการประกันความเสียหาย กรณีเกิดอุบัติเหตุย่อมสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น เพราะการขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นย่อมสร้างความเสียหายที่ร้ายแรงมากกว่าปกติ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่มักจะมีมูลค่าสูง การประกันความเสียหายจึงเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกใช้บริการ
6. มีเครื่องมือที่เหมาะสม
การมีเครื่องมือที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกใช้งานได้ตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น เช่น การมีรถเพื่อการขนส่ง ขนาดต่างๆ ให้เลือกใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็น รถกระบะ รถมีคอก แบบ 4 ล้อ, แบบ 6 ล้อ, แบบ10 ล้อ, รถตู้, รถเทรลเลอร์ ที่มีผ้าใบปิดมิดชิด เพื่อป้องกันความเสียหายจากการเปียกชื้น มีการตรวจสภาพการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ มีรถสำหรับยกของเพื่อช่วยทุ่นแรง เพื่อความรวดเร็ว และช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการขนย้าย
7. มีประสบการณ์ในการทำงานและทีมงานที่มีคุณภาพ
แน่นอนว่าผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน ก็จะมีความชำนาญที่มากขึ้นด้วย ทั้งในขั้นตอนของการขนย้ายที่ต้องอาศัยประสบการณ์ ในการจัดเรียงสินค้าให้มีระเบียบและมีความเหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายจากการกระทบ กระแทก มีคนขับรถมืออาชีพที่สามารถขับรถ ส่งของขนาดใหญ่ไปต่างจังหวัด ในระยะทางไกลได้อย่างปลอดภัย อยู่ในกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาท เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุ และความเสียหายที่จะตามมาได้
8. เป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
การขนส่งสินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีข้อจำกัดในการเข้าออกพื้นที่ ที่เข้มงวดมากขึ้น ต้องมีการขออนุญาต ซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดระดับพื้นที่ควบคุมนั้นๆ ว่ามีการเข้มงวดในเรื่องใดบ้าง การเลือกใช้บริการบริษัทโลจิสติกส์ ในการขนส่งสินค้า ก็จะทำให้สามารถขนส่งได้สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าการขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่ด้วยตนเองจะสามารถควบคุมกระบวนการขนส่งได้ทั้งหมด และสามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้มากกว่า แต่การขนย้ายในแต่ละครั้งต้องใช้แรงงานและต้องเสียเวลาในการบริหารจัดการที่ยุ่งยาก การเลือกใช้บริษัทโลจิสติกส์ เพื่อขนส่งสินค้า จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และยังส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วช่วยลดความเสียหายจากการขาดประสบการณ์ และไม่ต้องออกแรงให้เกิดการปวดเมื่อยอีกด้วย
